ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทสวด อโหสิกรรม ให้กับเจ้ากรรมนายเวร !!


เจ้ากรรมนายเวร คือใครก็ได้ที่เราเคยไปสร้างความไม่พอใจให้แก่เขา ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ หากมีคนผูกใจเจ็บว่าในอนาคตมีโอกาสเมื่อไหร่ขอแก้แค้นผู้ที่เบียดเบียนเรา หรือผูกใจต่อเราว่าขอให้ได้ทำร้ายคืน ผู้ที่มีจิตแค้นผูกใจเจ็บว่าจะล้างแค้นนั้นแหละเรียกเจ้ากรรมนายเวร แต่ทุกวันนี้และคำคำนี้ใช้กันจนพร่ำเพรื่อ แล้วมองกันดูว่าน่ากลัว มองในแง่ที่น่ากลัวลึกลับ หรือบางคนมองเป็นเรื่องเหลวไหล ถึงแม้กรณีว่าจะมีการ อโหสิกรรม ให้ ให้อภัยคือไม่โกรธไม่ผูกใจเจ็บ แต่ทว่าเราต้องได้รับใช้ผลของกรรมที่เราทำไปแล้ว ณ จุดนั้น ได้กรรมแต่ไม่ได้เวร

แต่กรณีของบางรายที่ไม่ยอมอโหสิกรรมคือผูกใจเจ็บ เราจึงได้ทั้งเวร ทั้งกรรม บางทีมีโอกาสก็แกล้งกันคืนบ้าง มีอคติต่อกันบ้าง ต่างคนต่างสร้างกรรมต่อกัน พอตายไป บางทีคนหนึ่งไปเกิดเป็นคนอีกรอบ อีกคนยังไม่ได้ไปเกิดเป็นคนแต่ไปอยู่ในภพของโอปาติกะบ้าง บางทีเป็นโอปาติกะที่มีฤทธิ์เช่น เทวดา จิตที่ยังมีความอาฆาตต่อกันนั้น ยังไม่ได้ให้อภัย จึงมีการตามไปแก้แค้น ตามไปเอาคืนอยู่ตลอด จึงวุ่นวาย

เจ้ากรรมนายเวรของเราทุกๆคน จึงมีได้ทุกภพ ไม่ว่าจะเป็นพรหม เทวดา นางฟ้า สัมภเวสี อสุรกาย พญานาค สัตว์เดรัจฉาน หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง แล้วแต่ภพภูมิ และบ่วงกรรมที่หมุนเวียนไป บางวาระกรรมมาสนองสองดวงจิตโคจรกันมาอีกวาระ คนบางคนแค่เราเจอหน้าครั้งแรกก็รู้สึกเกลียดไม่ถูกชะตาแล้ว

เจ้ากรรมนายเวรที่น่ากลัวก็ได้แก่ พรหม เทวดา มนุษย์ด้วยกัน เพราะเขามีฤทธิ์ มีผลให้คุณโทษเราได้ ส่วนผีนั้น ไม่ว่าจะเปรต อสุรกาย หรือปีศาจต่างๆนั้น ทำอันตรายเราได้ยาก หากกรรมไม่สบช่องให้ เพราะว่าวาระกรรมเขาหนัก จึงไม่มีฤทธิ์มากจนถึงขั้นทำร้ายเรา หากเขาทำเราได้ เขาทำแล้ว ฆ่าแล้วไม่ปล่อยเราไว้หรอก ดังนั้นจึงอย่ากลัวจนเกินเหตุ

การขอขมาเจ้ากรรมนายเวรหรือบทขอขมาอโหสิกรรม อาจเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยล่วงรู้หรือเคยทำมาก่อน บางครั้งชีวิตมาถึงทางตันทำอะไรไม่คล่องตัว หยิบจับอะไรเป็นต้องพลาดพลั้งไปทุกที จนทุกวันนี้ยังไม่สามารถหาทางออกให้กับตัวเองและครอบครัวได้

สวดบทขอขมาอโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร
กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม”


กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็น กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใดทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรม นายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าอย่าได้ จองเวรจองกรรม ต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้า เป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้น กลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป

คำอธิษฐานอโหสิกรรม
ข้าพเจ้า…..(บอกชื่อ)…ขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำแก่ผู้ใด ในชาติใดๆ ก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย แม้แต่กรรมที่ใครๆ ได้ทำกับข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น และขอยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงศาคณาญาติ และผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้า จงมีความสุข ความเจริญ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ

คำขอขมาโทษ (กรรมชั่ว)
กรรมชั่วอันใดที่ข้าพเจ้า…..(บอกชื่อ)…ทำไว้ ด้วยกาย วาจา ใจ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ เพราะความไม่รู้ เพราะความหลง เพราะความงมงาย เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอจงโปรดยกโทษ ให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบากเข็ญใจ อันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสูญสิ้นไป ข้าพเจ้าปรารถนาสิ่งใดที่ดี ขอให้สมปรารถนา นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ. (อธิษฐานตามที่ปรารถนา)

คนเราเกิดมาล้วนมีกรรมด้วยกันทั้งสิ้นให้หมั่นทำบุญ ด้วยทาน ศีล ภาวนา แล้วอุทิศให้เขาบ่อยๆ แล้วจะดีเอง หนึ่งหละคือเวรเบาบางลง อุปสรรคในชีวิตก็จะลดลง สองบุญกุศลที่เราทำบ่อยๆนั่นแหละจะเบนชะตาชีวิตของเราให้เป็นไปในทางที่ดี ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งหมอสะเดาะเคราะห์ที่ไหนให้สูญเสียเงินอีกต่อไป เพราะกรรมเราเวรเรา เราแก้เอาเองจะถูกจุดที่สุด เพราะเป็นหนี้ระหว่างเรากับเขา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สังฆทาน คือ อะไรและมีความหมาย รวมถึงมีกี่ประเภท

  สังฆทาน คือ อะไร ถ้าแปลตามคำศัพท์เป็นศัพท์ในพระสูตร เป็นชื่อเรียกการถวายทานแก่พระสงฆ์อย่างหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีอานิสงส์มาก ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทักขิณาวิภังคสูตร ว่าการถวายสังฆทานแก่คณะพระสงฆ์ มีอานิสงส์มากกว่าการถวายทานเฉพาะเจาะจงแก่พระพุทธเจ้า แม้ยังทรงพระชนม์อยู่ ถ้าแยกความหมายเเล้ว  สังฆะ แปลว่า กลุ่ม หรือหมู่  ส่วน ทาน แปลว่าการให้ รวมความหมายได้ว่า ทานที่ถวายให้แก่กลุ่มพระสงฆ์โดยไม่เจาะจงพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ทำบุญสามารถถวายอะไรก็ได้ที่เห็นว่าเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของพระสงฆ์ สังฆทานมีกี่ประเภท การถวายโดยอุทิศให้แก่สงฆ์ โดยอุทิศให้เป็นเผดียงสงฆ์ (ไม่ระบุเฉพาะว่าจะถวายรูปไหน) เช่นการถวายสลากภัต แม้พระจะได้รับของที่ถวายแค่รูปเดียว แต่ถือได้ว่าพระสงฆ์ที่มารับถวายเป็นพระที่ได้รับมอบหมายจากสงฆ์ ก็นับเป็นสังฆทานเช่นกัน ให้ทานในสงฆ์ 2 ฝ่าย (ทั้งฝ่ายภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์) มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้ทานในสงฆ์ 2 ฝ่าย ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ให้ทานในภิกษุสงฆ์ ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์ ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว เผดียง...

ไหว้พระพรหม ที่ไหนดี และ ไหว้ยังไงให้ปัง ? ฉบับ ธาราญา !!

  พระพรหม หนึ่งในสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นที่นิยมนับถือทั้งคนไทยและต่างชาติ ไหว้พระพรหมยังไงให้ปัง ใช้ธูปกี่ดอก ขอพรให้สมหวัง ผู้ที่สนใจบูชาต้องอ่าน รับรู้ถึงวิธีร่วมสักการะท้าวมหาพรหม ราชประสงค์ จากความเชื่อว่า  พระพรหมเป็นผู้สร้าง  ผู้ลิขิตความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งในโลก หากใครที่อธิษฐานและบูชาพระพรหมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ เชื่อว่าจะได้รับพร ให้สมหวังในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ และเนื่องจากพระพรหมมี 4 พักตร์ จึงต้องบูชาพระพรหมให้ครบทั้ง 4 พักตร์ 4 ทิศ การไหว้ให้ครบทุกพักตร์จะเป็นการได้รับพรครบทุกประการ  การสวดบูชาพระพรหม จำเป็นต้องสวดบูชาพระพิฆเนศก่อนทุกครั้ง ซึ่งเป็นกฎการไหว้เทพของศาสนาพราหมณ์ทุกนิกาย ความเชื่อในการไหว้พระพรหมนั้นเป็นความเชื่อในเรื่องเทพเจ้าที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนานในสังคมไทย จะเห็นได้ว่าในหลายๆ สถานที่ทั่วประเทศไทยนั้นมีการตั้งรูปพรพรหมไว้สักการะกันอย่างมากมาย ในบทความนี้จะมาแนะนำถึงขั้นตอน และวิธีการต่างๆ ในการไหว้พระพรหมอย่างถูกต้อง ที่มาของความเชื่อในเรื่องนี้ รวมไปถึงสถานที่สักการะพระพรหมยอดฮิตในประเทศไทย ขั้นตอนการไหว้พระพรหมอย่างถ...

กิจกรรมใน “วันเข้าพรรษา” มีอะไรบ้าง ?

  วันเข้าพรรษา  เป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า “จำพรรษา” นั่นเอง โดย วันเข้าพรรษา 2565ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม หรือ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ประวัติวันเข้าพรรษา            “ เข้าพรรษา”  แปลว่า “พักฝน” หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน โดยแบ่งเป็น            –  ปุริมพรรษา หรือ วันเข้าพรรษาแรก  เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี หรือถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หลัง และออกพรรษาในวันขึ้น...