ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2020

การให้อภัยทาน คืออะไร และมีการปฏิบัติอย่างไร ?

  สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ให้ความหมายของคำว่า  อภัยทาน  ดังนี้ อภัยทาน คือ การยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ อภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ อันใจที่แจ่มใส กับใจที่มืดมัว ไม่อธิบายก็น่าจะทราบกันอยู่ทุกคนว่าใจแบบไหนที่ยังความสุขให้เกิดขึ้นแก่ เจ้าของ ใจแบบไหนที่ยังความทุกข์ให้เกิดขึ้น และใจแบบไหนที่เป็นที่ต้องการ ใจแบบไหนที่ไม่เป็นที่ต้องการเลย ความจริงนั้น ทุกคนที่สนใจบริหารจิต จะต้องสนใจอบรมจิตให้รู้จักอภัยในความผิดทั้งปวง ไม่ว่าผู้ใดจะทำแก่ตน แม้การให้อภัยจะเป็นการทำได้ไม่ง่ายนัก สำหรับบางคนที่ไม่เคยอบรมมาก่อน แต่ก็สามารถจะทำได้ด้วยการอบรมไปทีละเล็กละน้อย เริ่มแต่ที่ไม่ต้องฝืนใจมากนักไปก่อนในระยะแรก ตัวอย่างเช่น เวลาขึ้นรถประจำทางที่มีผู้โดยสารคอยขึ้นรถอยู่เป็นจำนวนมาก หากจะมีผู้เบียดแย่งขึ้นหน้า ทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ถ้าเกิดโกรธขึ้นมาไม่ว่าน้อยหรือมาก ก็ให้ถือ

กฐิน พระราชทาน คืออะไร ? และมีความเป็นมาอย่างไร

  เมื่อพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามายังสุวรรณภูมิและประดิษฐานอยู่บนผืนแผ่นดินนี้อย่างสถิตย์สถาพร ประชาชนไทยได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ การทอด กฐิน ก็ได้กลายเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมา พระเจ้าแผ่นดินผู้ครองแผ่นดินสยามได้ทรงรับเรื่องกฐินนี้ขึ้นเป็นพระราชพิธีอย่างหนึ่ง การที่พระเจ้าแผ่นดินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเกี่ยวกับกฐินเป็นพระราชพิธี ทำให้เรียกกฐินนี้ว่า  กฐินหลวง  วัดใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นวัดราษฎร์หรือวัดหลวง หากพระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายผ้าพระกฐินแล้วจะเรียกว่า  กฐินหลวง  ทั้งสิ้น ในสมัยต่อๆ มา เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น ประชาชนมีศรัทธาเจริญรอยตามพระราชศรัทธาของพระเจ้าแผ่นดิน ได้รับพระมหากรุณาให้ถวายผ้าพระกฐินได้ตามสมควรแก่ฐานะ เป็นเหตุให้แบ่งแยกกฐินหลวงออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้ ๑.กฐินที่กำหนดเป็นพระราชพิธี กฐินดังกล่าวนี้ พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เองเป็นประจำ ณ วัดสำคัญๆ ซึ่งทางราชการกำหนดขึ้น มีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไว้อย่างเรียบร้อย ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดต่างๆ ทั้งในก

ประวัติความเป็นมาการทอดผ้าป่า

  “ผ้าป่า” คือ ผ้าที่ผู้ถวายนำไปวางพาดไว้บนกิ่งไม้เพื่อให้พระชักเอาไปเอง โดยไม่ได้ทีกี่กล่าวคำถวายหรือประเคนเหมือนถวายของทั่วไป กริยาที่พระหยิบผ้าไปใช้แบบนั้น เรียกว่า “ซักผ้าป่า” ส่วนการถวายผ้าป่านิยมจัดของใช้เป็นบริวารผ้าป่าเหมือนบริวารกฐินเรียกว่า “ทอดผ้าป่า” ความเป็นมาของพิธี ทอดผ้าป่า กล่าวไว้ว่า ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดายังมิได้ทรงอนุญาตให้พระภิกษุทั้งหลายรับจีวรจากชาวบ้าน พระภิกษุเหล่านั้นจึงต้องเที่ยวเก็บผ้าที่เขาทิ้งแล้ว เช่น ผ้าเปรอะเปื้อนที่ชาวบ้านไม่ต้องการนำมาทิ้งไว้ ผ้าห่อศพ เป็นต้น เมื่อรวบรวมผ้าชิ้นเล้กน้อยพอแก่ความต้องการแล้วจึงนำมาซักทำความสะอาด ตัดเย็บ ย้อมสี เพื่อทำเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่ง การทำจีวรของพระภิกษุในสมัยพุทธกาลจึงค่อนข้างลำบากยุ่งยากและเป็นงานใหญ่ ภิกษุทั้งหลายจึงต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างมาก เมื่อชาวบ้านทั้งหลายเห้นความยากลำบากของพระภิกษุสงฆ์ จึงต้องการนำผ้ามาถวาย แต่เมื่อยังไม่มีพุทธานุญาติโดยตรง จึงนำผ้าไปทอดทิ้งไว้ ณ ที่ต่างๆ เช่น ในป่า ตามป่าช้า หรือข้างทางเดิน เมื่อพระภิกษุสงฆ์มาพบ เห็นว่าเป็นผ้าที่ผู้เป็นเจ้าของทอดอาลัยแล

การขอขมากรรมบิดามารดา

  ทุกคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “บิดา มารดา คือพระอรหันต์ของบ้าน”บิดามารดาถือเป็นบุคคลที่มีบุญคุณอันสูงสุดของลูกๆ และเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องตอบแทนพระคุณท่านให้ถึงที่สุด ลูกคนใดที่ทำไม่ดีกับบิดามารดาแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำทางกาย ทางวาจา หรือทางความคิดก็ตาม ถือว่าได้สร้างบาปมหันต์ ลูกที่ทำให้บิดามารดาน้ำตาตกเท่ากับทำให้บิดามารดาตกนรก เป็นบาปหนักอย่างยิ่ง หากไม่ทำการขอขมาเพื่อให้ท่านอโหสิกรรม ชีวิตก็จะหาความเจริญไม่ได้ เพราะมีบาปติดตัวมีชั่วติดตน ดังนั้น เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น เจริญรุ่งเรืองขึ้น เราควรหาโอกาสขอขมากรรมกับบิดา มารดา เพราะว่าเราคงจำไม่ได้ว่าได้ติดค้างกรรมอะไรกับท่านเอาไว้บ้าง บางขณะเราเองอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ทำให้เราจะติดกรรมกับท่านได้ วิธีขอขมาบิดามารดา เพื่อให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง การ ขอขมา บิดามารดา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตทำได้ทุกเทศกาล ไม่ใช่เฉพาะวันพ่อ วันแม่ เท่านั้น สำหรับการขอขมาบิดามารดา เป็นสิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนควรทำ เพราะใน 1 ปีที่ผ่านมา เราไม่อาจรู้ได้ว่า มีสิ่งใดบ้างที่เราทำลงไป และเป็นเหตุให้บิดามารดาไม่พอใจ ไม่สบายใจ ไม่ว่าโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็

การ "ตัดกรรม การตัดเวร" คืออะไร?

  การ ตัดกรรม คือ การหยุดทำความชั่วหยุดทำบาป ส่วน การตัดเวร  คือ การหยุดการพยาบาทอาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน คือไม่แก้แค้นซึ่งกัน และกันรู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน และผู้ที่ทำผิดก็ให้รู้จักคำว่าขอโทษ ผู้ที่ถูกขอโทษก็รู้จักคำว่าให้อภัย อันนี้เป็นอุบายตัดกรรมตัดเวร พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าใครทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นแน่นอนหลีกเลี่ยงไม่ได้   กรรมใดใครก่อไว้แล้วในเมื่อใจเป็นผู้จงใจทำลงไปแล้วเป็นกรรมอันเป็นบาป ภายหลังจึงมานึกได้และไม่ต้องการผลของบาป มันก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธไม่ได้เพราะใจเป็นผู้สั่งให้กาย วาจา ทำลงไป พูดลงไป   โดยคติความเชื่อ  “พิธี ตัดกรรม ”  หรือ  “การแก้กรรม”  คือการชำระล้างกรรมเก่าๆ ที่แต่ละคนเคยทำไว้ในชาติก่อนๆ เพื่อชาตินี้จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น มีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น ความรักราบรื่นและอื่นๆ เพราะจะไม่มีกรรมเก่ามารบกวนอีกต่อไป “พิธีตัดกรรม” เป็นประเพณีนิยมของชาวมอญรามัญ ชาวพม่า เมื่อครั้งอดีตกาลและได้สืบทอดกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน ชาวพม่าเชื่อว่ายังมีสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกว่านี้อีก สิ่งนั้นคือ “อดีตกรรม” เชื่อในเรื่องอดีตกรรมที่ตายตัว และโชคชะตา

การดูดวง คืออะไร? มีความจำเป็นมากแค่ไหน?

  ดวง หรือ  Horoscope ดวงชะตา หมายถึง เกณฑ์ที่กำหนดชีวิตของคน หรือสัตว์ ตลอดจนบ้านเมือง อาจกล่าวว่า ดวงชะตา ของแต่ละบุคคล แต่ละชีวิต หรือแต่ละสถานที่ย่อมมีความแตกต่างกันไป ตามช่วงเวลา ระยะเวลาที่ชีวิต หรือสิ่งเหล่านั้นกำเนิดขึ้นรวมถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็มีผลต่อ ดวงชะตา เช่นกัน จะเห็นว่าหลาย ๆ คนนิยมเช็คดวงชะตา ของตนเอง หรือสภาพแวดล้อมที่ตนเองอาศัยอยู่ เพื่อที่จะได้ทราบถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งที่มองเห็นด้วยตาเปล่า และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรืออาจย้อนไปอดีต มองถึงอนาคต ซึ่งสมัยก่อน กษัตริย์ไทยทุกพระองค์จะมีโหราศาสตร์คอยตรวจสอบฤกษ์ยาม ซึ่งเรียกว่า โหราศาสตร์ โหราศาสตร์   หรือ Astrology เป็นศาสตร์หนึ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการทำนายอนาคต หรือ โชคชะตาของมนุษย์ หรือปรากฏการณ์ต่างๆ ของบ้านเมือง และของโลก โดยอาศัย เวลา และ ตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้า แต่ทางวิทยาศาสตร์นั้นมีการทดลอง พิสูจน์ได้ และสามารถสรุปออกมาเป็นทฤษฎีได้ การดูดวง  นั้นเป็นความเชื่อและเป็นเรื่องคู่กันมายาวนานกับคนไทย เนื่องจากหากคนเราขาดความเชื่อแล้วนั้นจะท

ประโยชน์ในการทำ “สมาธิ”

  รู้หรือไม่ว่าในแต่ละวันเราสามารถมีความคิดมากมายได้ถึง 50,000 ความคิด ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีต่อจิตใจเรา ในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีที่จะกำจัดความยุ่งเหยิง ความคิดในจิตใจของเรา ซึ่งการทำ “ สมาธิ ” จึงเป็นทางออกที่ดี โดยการฝึกสมาธิในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายๆ และนี่คือวิธีที่สามารถทำให้คุณฉลาดมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีสุขภาพที่ดีขึ้น ฉลาดมากขึ้น   ในปัจจุบันมีสิ่งต่างๆรอบข้างที่เข้ามาทำให้จิตใจเราจะวอกแวก และยังมีทั้งเสียงรบกวนต่างๆ ที่สามารถทำให้เราเสียสมาธิได้ ซึ่งการทำสมาธิคือทางออก การทำสมาธิช่วยการพัฒนาในด้านของความสนใจ โดยสอนให้เราจดจ่อ แน่วแน่ และตามความคิดของเราได้ทัน อีกทั้งยังเพิ่มเซลล์ประสาทในสมองของเรา โดยเฉพาะในส่วนของการควบคุมและการตอบสนองทางอารมณ์ ผลของการทำสมาธินั่นช่วยให้ฉลาดมากขึ้น ความจำและการเรียนรู้ดีขึ้น  ลดความเครียด ความเครียดสามารถเป็นสาเหตุในการทำลายสุขภาพที่ร้ายแรงต่อร่างกายและจิตใจของเรา เกิดโรควิตกกังวล ความดันโลหิตสูง และโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โชคดีที่การทำสมาธิสามารถทำให้ผ่อนคลายโดยลดการกระตุ้นให้เกิดโรคได้ ใจมีความสุขมากขึ้น เครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้ว