ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

อานิสงส์ของการถวายสังฆทานยา ฉบับ ธาราญา !!

 


สังฆทานยา คือ การจัดเครื่องสังฆทาน ด้วยยารักษาโรค เพื่อนำไปถวายแก่พระสงฆ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน บำบัด รวมถึงการรักษาอาการอาพาธ เบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นการถวายจตุปัจจัยที่สำคัญ 1 ใน 4 โดยตรง คือ ยารักษาโรค และหากต้องการให้เกิดบุญ และให้ได้รับอานิสงส์แห่งบุญนั้น ก็ควรต้องเกิดจากจิตอันเป็นกุศล และใช้ปัจจัยที่ได้มาจากความสุจริต มีความตั้งใจและความปรารถนาดี ที่จะทะนุบำรุงศาสนา โดยผ่านการดูแลพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อที่จะเผยแผ่และสืบทอดคำสอนขององค์พระสัมมาพุทธเจ้าสืบต่อไป นอกจากนี้ เราจำเป็นต้อง ใส่ใจด้วยการคำนึงถึงผู้ที่รับยานั้นไปใช้ด้วย โดยจำเป็นต้องรู้ว่ายาชนิดใดบ้างที่เหมาะสมและมีประโยชน์ แก่พระสงฆ์ เพราะหากเลือกเอาแต่ตามสะดวกของผู้ให้ การทำบุญนี้อาจจะไม่เกิดบุญ และอาจจะสร้างกรรมโดยไม่รู้ตัว

ในปัจจุบันสังฆทานได้รับความนิยมกันมาก แต่ก็มีบางประเด็นที่ยังเป็นข้อกังขา และมีข้อคิดบางอย่าง เพื่อให้สังฆทานยาได้ประโยชน์ ดังนั้น สำหรับผู้ขายและผู้ซื้อนั้น ควรใส่ใจในปัญหาเหล่านี้ คือ

  1. สังฆทาน ทำไมขายในร่นสังฆทานได้ ก็เพราะยาในสังฆทานส่วนใหญ่เป็นยาสามัญประจำบ้าน มีทั้งยาสามัญประจำบ้านแผนปัจจุบัน สังเกตว่า จะมีกรอบสีเขียว  ส่วนยาสามัญประจำบ้านอีกกลุ่ม คือ ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ซึ่งก็จะมีข้อมูลระบุที่ฉลากเช่นกัน

                   ยาสามัญประจำบ้านสามารถซื้อขายได้ทั่วไป แต่ก็ต้องระมัดระวัง หากมีกลุ่มยาอื่นที่ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน ตาม พรบ.ยา ถือว่าผิดกฎหมายแม้ว่าจะไม่ใช่ร้านขายยาโดยตรง แต่ใส่เป็นกล่องจัดเป็นชุดสังฆทานและขายในที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านยาก็ถือว่าผิด พรบ.ยา

  • ในสังฆทานยา มักจะมีผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์สุขภาพ หือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น วิตามิน สมุนไพร กลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ กลุ่มนี้ ผู้ประกอบการที่นำมาใส่กล่องสังฆทานยา ควรเลือกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากครบถ้วน และไม่ควรเป็นกลุ่มที่มีการขายที่เข้าข่ายโฆษณาหลอกลวง โม้เกินจริง สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ พระ-เณรที่รับถวาย ควรอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนใช้

การถวายยารักษาโรคเป็นบุญใหญ่ที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะการถวายยารักษาโรคให้อานิสงส์มาก ซึ่งถ้าใครไม่อยากเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่อยากทรมานจากการเป็นโรคร้าย ควรสร้างบุญนี้ให้เป็นอาจิณกรรม หรือทำบุญประเภทนี้บ่อย ๆ ดังเรื่องราวของ พระพากุลเถระ พระอรหันต์ผู้เป็นเลิศในด้านมีอาพาธน้อย (ป่วยน้อย) เพราะอดีตชาติท่านได้ถวายยาแด่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอโนมทัสสี และถวายยาแด่คณะพระภิกษุในยุคของ พระวิปัสสีพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ บุญจึงส่งผลให้พระพากุลเถระมีอายุขัยยืนยาวถึง 160 ปี ไม่อาพาธหรือป่วยไข้เลย ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติธรรมของท่านมาก ๆ

อีกทั้งอานิสงส์จากการถวายยารักษาโรคยังมีปรากฏชัดอยู่ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ 32 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 24 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 1 ปิลินทวรรคที่ 40 ปิลินทวัจฉเถราปทานที่ 1 (391) ว่าด้วยผลแห่งการถวายไทยธรรมอันสมควร ซึ่งจะขอแบ่งเป็นข้อ ๆ ดังนี้

อานิสงส์จากการถวายยารักษาโรค

การถวายยารักษาโรคแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของสุขภาพอย่างมาก ไม่ต้องประสบกับโรคร้าย มีอายุยืน การเดินทางไร้อุปสรรค หากพบความติดขัดก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะมีที่พึ่งเข้ามาอยู่เสมอ อันตรายหนีหาย ได้รับความเมตตาจากคนรอบข้าง หากขอความช่วยเหลือจะได้รับความช่วยเหลืออย่างดี โดยสามารถระบุได้ดังนี้

  • ทำให้เป็นผู้มีอายุยืน
  • ทำให้เป็นผู้มีกำลัง มีเรี่ยวแรงมาก
  • ทำให้เป็นผู้มีดวงปัญญาสว่างไสว ฉลาดทั้งทางโลก ทางธรรม
  • ทำให้เป็นผู้มีผิวพรรณวรรณะผ่องใส งดงาม สุขภาพผิวดี
  • ทำให้เป็นผู้มียศ ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
  • ทำให้เป็นผู้มีความสุขกาย สุขใจ
  • ทำให้เป็นผู้ปราศจากอันตรายใด ๆ
  • ทำให้เป็นผู้ปราศจากสิ่งอัปมงคล ปราศจากเสนียดจัญไรทั้งหลาย
  • ทำให้เป็นผู้ที่มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ
  • ทำให้ไม่พลัดพรากจากของรัก
การทำบุญด้วยการถวายของแด่พระสงฆ์ นอกจากจะได้รับอานิสงส์ผลบุญแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพระสงฆ์ ผู้เป็นตัวแทนเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ถือเป็นการทำทานที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สังฆทาน คือ อะไรและมีความหมาย รวมถึงมีกี่ประเภท

  สังฆทาน คือ อะไร ถ้าแปลตามคำศัพท์เป็นศัพท์ในพระสูตร เป็นชื่อเรียกการถวายทานแก่พระสงฆ์อย่างหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามีอานิสงส์มาก ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทักขิณาวิภังคสูตร ว่าการถวายสังฆทานแก่คณะพระสงฆ์ มีอานิสงส์มากกว่าการถวายทานเฉพาะเจาะจงแก่พระพุทธเจ้า แม้ยังทรงพระชนม์อยู่ ถ้าแยกความหมายเเล้ว  สังฆะ แปลว่า กลุ่ม หรือหมู่  ส่วน ทาน แปลว่าการให้ รวมความหมายได้ว่า ทานที่ถวายให้แก่กลุ่มพระสงฆ์โดยไม่เจาะจงพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ผู้ทำบุญสามารถถวายอะไรก็ได้ที่เห็นว่าเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของพระสงฆ์ สังฆทานมีกี่ประเภท การถวายโดยอุทิศให้แก่สงฆ์ โดยอุทิศให้เป็นเผดียงสงฆ์ (ไม่ระบุเฉพาะว่าจะถวายรูปไหน) เช่นการถวายสลากภัต แม้พระจะได้รับของที่ถวายแค่รูปเดียว แต่ถือได้ว่าพระสงฆ์ที่มารับถวายเป็นพระที่ได้รับมอบหมายจากสงฆ์ ก็นับเป็นสังฆทานเช่นกัน ให้ทานในสงฆ์ 2 ฝ่าย (ทั้งฝ่ายภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์) มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้ทานในสงฆ์ 2 ฝ่าย ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ให้ทานในภิกษุสงฆ์ ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์ ในเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว เผดียง...

ไหว้พระพรหม ที่ไหนดี และ ไหว้ยังไงให้ปัง ? ฉบับ ธาราญา !!

  พระพรหม หนึ่งในสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นที่นิยมนับถือทั้งคนไทยและต่างชาติ ไหว้พระพรหมยังไงให้ปัง ใช้ธูปกี่ดอก ขอพรให้สมหวัง ผู้ที่สนใจบูชาต้องอ่าน รับรู้ถึงวิธีร่วมสักการะท้าวมหาพรหม ราชประสงค์ จากความเชื่อว่า  พระพรหมเป็นผู้สร้าง  ผู้ลิขิตความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งในโลก หากใครที่อธิษฐานและบูชาพระพรหมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ เชื่อว่าจะได้รับพร ให้สมหวังในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ และเนื่องจากพระพรหมมี 4 พักตร์ จึงต้องบูชาพระพรหมให้ครบทั้ง 4 พักตร์ 4 ทิศ การไหว้ให้ครบทุกพักตร์จะเป็นการได้รับพรครบทุกประการ  การสวดบูชาพระพรหม จำเป็นต้องสวดบูชาพระพิฆเนศก่อนทุกครั้ง ซึ่งเป็นกฎการไหว้เทพของศาสนาพราหมณ์ทุกนิกาย ความเชื่อในการไหว้พระพรหมนั้นเป็นความเชื่อในเรื่องเทพเจ้าที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างยาวนานในสังคมไทย จะเห็นได้ว่าในหลายๆ สถานที่ทั่วประเทศไทยนั้นมีการตั้งรูปพรพรหมไว้สักการะกันอย่างมากมาย ในบทความนี้จะมาแนะนำถึงขั้นตอน และวิธีการต่างๆ ในการไหว้พระพรหมอย่างถูกต้อง ที่มาของความเชื่อในเรื่องนี้ รวมไปถึงสถานที่สักการะพระพรหมยอดฮิตในประเทศไทย ขั้นตอนการไหว้พระพรหมอย่างถ...

กิจกรรมใน “วันเข้าพรรษา” มีอะไรบ้าง ?

  วันเข้าพรรษา  เป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า “จำพรรษา” นั่นเอง โดย วันเข้าพรรษา 2565ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม หรือ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ประวัติวันเข้าพรรษา            “ เข้าพรรษา”  แปลว่า “พักฝน” หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน โดยแบ่งเป็น            –  ปุริมพรรษา หรือ วันเข้าพรรษาแรก  เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี หรือถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หลัง และออกพรรษาในวันขึ้น...